วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


“รู้วิเคราะห์เทคนิค... พิชิตโอกาสลงทุน (1) :
รู้จักการวิเคราะห์ทางเทคนิค”
ประจบ วงษ์นิ่ม (ป.ดัชนี)
นักวิชาการอิสระ
มนุษย์เรามักจะแสวงหาสิ่งที่ตนเองมองว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต เริ่มจากการแสวงหาอาหารเพื่อดำรงชีวิต
เครื่องนุ่งห่ม หน้าที่การงาน และที่อยู่อาศัย เมื่อชีวิตได้รับการตอบสนองความต้องการพื้นฐานแล้ว มนุษย์จะเรียกร้อง
ความต้องการเพิ่มขึ้นต่อไป ต้องการมีเงิน มีฐานะ จนถึงขั้นร่ำรวย ทำให้มนุษย์เราต้องการนำเงินออมที่มีอยู่ไปสร้าง
ผลกำไรออกดอกออกผลเพิ่มขึ้น
คนที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในโลกหลายคนมั่งมีมาจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ นับจาก วอร์เรน บัฟเฟตต์,
ปีเตอร์ ลินช์ และจอร์จ โซรอส ผู้มีเงินออมหลายคนจึงมองการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นทางเลือกเพื่อสร้าง
ความร่ำรวยให้กับตนเอง
1. จิตวิทยามวลชน
การขึ้นลงของตลาดและราคาหุ้นเกิดจากความโลภและความกลัวของนักลงทุน นักลงทุนที่ดีจะเข้าลงทุน
ด้วยข้อมูลข่าวสารที่ได้รับการวิเคราะห์ว่าจะส่งผลต่อราคาหุ้นในอนาคตอย่างไร หลีกเลี่ยงการซื้อขายด้วยความรู้สึก
นักลงทุนมือใหม่จะรีบซื้อขายในครึ่งชั่วโมงแรกของการเปิดตลาด เนื่องจากรู้สึกตื่นเต้นหรือวิตกกับข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ
โดยขาดการไตร่ตรองในข้อมูล ขณะที่นักลงทุนมืออาชีพเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ เขาจะใช้เวลาทบทวนถึงข้อดีข้อเสียของข่าว
ที่เข้ามากระทบ และไตร่ตรองดูว่าตลาดคิดอย่างไรกับข่าวที่เข้ามา ก่อนตัดสินในซื้อหรือขายในช่วงก่อนปิดตลาด
ราคาหุ้น อุปสงค์ – อุปทาน
การขึ้นลงของราคาหุ้นเกิดจากปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกประเทศ สร้างความต้องการซื้อ –
ความต้องการขายในหุ้น โดยยามที่ราคาปรับตัวขึ้น นักลงทุนจะเข้าซื้อเพราะคิดว่าเป็นราคาถูก ราคาพรุ่งนี้จะขึ้นต่อ
ในทางตรงกันข้าม นักลงทุนจะนำหุ้นออกเทขายเพราะคิดว่าราคาจะลงต่อ อารมณ์ของนักลงทุนจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญ
การขึ้นลงของราคาถูกมองว่าเกิดจากผลกระทบของข่าว แต่ที่จริงแล้วข่าวไม่ได้มีผลกระทบต่อราคา สิ่งที่
นักลงทุนคิดต่อข่าวเป็นตัวสร้างผลกระทบต่อการขึ้นลงของราคา
การที่จะเป็นนักลงทุนให้ประสบผลสำเร็จ ควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายด้วยอารมณ์ โดยเฉพาะอารมณ์ที่เกิดจาก
ความโลภและความกลัว นักลงทุนหลายคนลิงโลดเข้าซื้อหุ้นเมื่อตลาดก้าวเข้าสู่ช่วงปลายตลาดขาขึ้นและตลาด
เต็มไปด้วยข่าวดี นักลงทุนเชื่อมั่นว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อ จึงเข้าเก็งกำไรเพราะคิดว่าสามารถทำกำไรได้ ผลลัพธ์ที่เกิด
ตามมาคือ “การติดสูง” นักลงทุนเมื่อติดสูงก็ปลอบใจตัวเองว่าไม่ขายไม่ขาดทุน และเมื่อตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่อง

ตลาดเต็มไปด้วยข่าวร้าย นักลงทุนจะผวาข่าวร้ายและคิดว่าราคายังปรับตัวลงได้อีก จึงนำหุ้นออกขาย หลงลืมที่จะหาซื้อ
หุ้นที่มีพื้นฐานในราคาถูกกว่าที่นักลงทุนจะมั่นใจว่าตลาดเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้น นักลงทุนจะรอข่าวดีจึงกลับเข้าตลาด
ที่สุดก็ต้องซื้อของแพงอีกครั้ง
เกมพนัน
นักลงทุนหลายคนซื้อขายหุ้นเป็นเกมพนันที่สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต นักลงทุนเหล่านี้จะเริงร่าเมื่อมีกำไร
และจะหมกมุ่นที่จะเข้าซื้อขายยามที่ขาดทุน มีความรู้สึกต้องการเอาคืนเวลาขาดทุน ยิ่งการซื้อขายในปัจจุบันตลาด
เปิดให้มีการซื้อขายฟิวเจอร์ส การซื้อขายแบบเกมพนันจึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
นักลงทุนมืออาชีพก่อนที่จะเข้าซื้อหุ้น เขาจะศึกษาปัจจัยพื้นฐาน เริ่มจากภาพรวมเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจ
ประเทศ การเมือง อุตสาหกรรมและบริษัทที่จะเข้าลงทุน นักลงทุนจะเข้าซื้อเมื่อราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และขายออก
เมื่อราคาสูงเกินมูลค่าที่แท้จริง
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายฟิวเจอร์สเพราะเห็นโอกาสทำกำไรในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง เครื่องมือ
ปัจจัยทางเทคนิคถือเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจในการซื้อขายฟิวเจอร์สได้ดี แต่ทุกครั้งที่ซื้อขายฟิวเจอร์สต้องเข้าใจ
ถึงความเสี่ยง และกำหนดจุดขาดทุนไว้ทุกครั้งที่ซื้อขาย เนื่องจากฟิวเจอร์สมีวันหมดอายุ และการซื้อขายผิดทิศทางจะต้อง
ถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม หากไม่สามารถวางหลักประกันได้ก็จะถูกบังคับขาย การซื้อขายฟิวเจอร์สจึงเป็นเกมของ
ผู้ชนะกับผู้แพ้ (Zero Sum Game)
สร้างผลกำไรกับตลาดขาขึ้น
นักลงทุนรายย่อยมักพลาดโอกาสในการทำกำไรจากการลงทุน โดยในภาวะตลาดขาขึ้น นักลงทุนรายย่อย
จะนิยมซื้อขายหุ้นขนาดเล็ก ต่างกับนักลงทุนสถาบันหรือต่างชาติที่จะเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐาน ที่มีสภาพคล่อง และเป็น
ตัวนำตลาด ที่เรียกว่าหุ้น “Blue Chip” หรือบางครั้งก็เข้าซื้อหุ้นที่เป็นตัวนำตลาด โดยซื้อขายบ่อยครั้ง ไม่ยอมปล่อยให้
หุ้นที่เคลื่อนตัวเป็นขาขึ้นทำกำไรไปเรื่อยๆ ซึ่งการเข้าออกในหุ้นบ่อยครั้งจะทำให้ต้นทุนราคาหุ้นสูงขึ้น ในที่สุดก็มีโอกาส
จะติดสูงตามมา
การซื้อขายหุ้นด้วยปัจจัยทางเทคนิค ควรเข้าซื้อในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐาน มีสภาพคล่อง และเกิดสัญญาณ
ปลายตลาดขาลง และเมื่อหุ้นเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้น ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นสัญญาณว่าราคาจะปรับตัว
ขึ้นต่อ ควรถือหุ้นเพื่อสร้างผลกำไร และขายออกเมื่อเกิดสัญญาณปลายตลาดขาขึ้น
ป้องกันความเสี่ยงในตลาดขาลง
การขึ้นลงของตลาดมีแนวโน้มที่จะขึ้นแรงลงแรง ตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นและกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าออก
ความไม่แน่นอนคือความเสี่ยงของการลงทุน ในตลาดขาลง แม้นักลงทุนจะเป็นนักลงทุนระยะยาวที่มีต้นทุนต่ำ หากพอร์ต การลงทุนมีขนาดใหญ่ ควรใช้ประโยชน์ของดัชนีฟิวเจอร์สป้องกันความเสี่ยงด้วยการเปิดสถานะขายล่วงหน้า เพื่อชดเชย
กับราคาหุ้นที่ปรับลดลงตามทิศทางตลาด
กระจายความเสี่ยงการลงทุน
การลงทุนจากนี้ไปไม่ได้มองว่ามีเงินลงทุน 1 ล้านบาทจะซื้อขายหุ้นตัวไหนดี จากนี้ไปการลงทุนจะต้องมองถึง
การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์มีตัวสินค้าให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
นักลงทุนจะต้องเรียนรู้การจัดสรรเงินลงทุน ช่วงนี้ควรลงทุนในหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือตราสารหนี้กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลา
และสถานการณ์เปลี่ยนไปเปอร์เซ็นต์การลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทก็อาจต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม และ
ความเสี่ยงที่นักลงทุนรับได้
นักลงทุนสามารถใช้เครื่องมือปัจจัยทางเทคนิคเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์
เนื่องจากหลักการวิเคราะห์หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ใช้หลักการเดียวกัน
การลงทุนในยุดไซเบอร์
โลกอินเตอร์เน็ททำให้นักลงทุนสะดวกในการส่งคำสั่งซื้อขาย หรือการค้นหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ
ลงทุน แต่นักลงทุนควรตระหนักไว้ด้วยว่า แหล่งข้อมูลที่ท่านค้นหามานั้นเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด
ใครคือแหล่งข้อมูลที่ท่านใช้ และผู้ให้ข้อมูลมีความรู้หรือมีความน่าเชื่อถือเพียงใด หากท่านใช้ข้อมูลที่ขาดความชัดเจน
เงินลงทุนของนักลงทุนจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น
2. ประโยชน์ของการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค
นักลงทุนที่จะใช้ปัจจัยทางเทคนิคเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ ควรทำความเข้าใจปรัชญาในการวิเคราะห์
ด้วยปัจจัยทางเทคนิค เพื่อเข้าใจถึงแก่นแท้ของปัจจัยทางเทคนิคเสียก่อน
ปรัชญาในการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค
 ราคาหุ้นตอบรับข่าวดีข่าวร้ายเข้าไปในกราฟแผนภูมิแล้ว บ่อยครั้งที่นักลงทุนขาดความเข้าใจ
ในปรัชญา เมื่อปรากฏข่าวดีจะกระโจนเข้าไล่ราคาหุ้น ทั้งที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นล่วงหน้าแล้ว หรือนำหุ้น
ออกเทขายเมื่อมีข่าวร้าย ทั้งที่ราคาหุ้นทรุดตัวลงมาก่อนหน้านี้แล้ว
 ราคาหุ้นเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้ม นักลงทุนที่เข้าใจว่าตลาดกำลังเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มขาขึ้นหรือ
ขาลง จะทำให้วางกลยุทธ์ซื้อขายได้ดี หากนักลงทุนยังไม่สามารถมองแนวโน้มตลาดหรือราคาหุ้นได้
ควรลงทุนผ่านกองทุนจะเป็นทางเลือกที่ดี
 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย การขึ้นลงของตลาดหรือราคาหุ้นถูกมองว่าเกิดจากพฤติกรรมมวลชน ทำให้เกิด
รูปแบบที่สามารถนำมาวิเคราะห์ทิศทางตลาดหรือราคาหุ้นได้


ปัจจัยทางเทคนิคนับเป็นเครื่องมือที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ได้ทั้งกราฟรายสัปดาห์
กราฟรายวัน รวมไปถึงกราฟรายนาที เพื่อศึกษาจิตวิทยามวลชนทั้งระยะยาวและระยะสั้น สามารถวิเคราะห์ปัจจัย
ทางเทคนิคได้ทั้งในหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ, เงิน, น้ำมันและสินค้าการเกษตร) และฟิวเจอร์ส
นักลงทุนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนการวิเคราะห์แนวโน้ม รูปแบบราคา สัญญาณการกลับตัวให้เกิด
ความชำนาญ หลีกเลี่ยงการวิเคราะห์ในสิ่งที่นักลงทุนอยากให้เป็น หลีกเลี่ยงวิเคราะห์ด้วยการชี้นำของอารมณ์ตลาด
ควรยึดมั่นในกฎเกณฑ์ของการวิเคราะห์ และที่สำคัญนักลงทุนต้องตระหนักว่าไม่มีเครื่องมืออะไรที่ให้คำตอบได้ 100%
อย่างไรก็ดี นักลงทุนพึงระลึกเสมอว่าทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคล้วนแต่ใช้ข้อมูลในอดีตมาวิเคราะห์
ราคาในอนาคต ในการลงทุนที่จะประสบผลสำเร็จได้ดี นักลงทุนอาจต้องรู้จักวิเคราะห์ปัจจัยของสำเร็จหรือปัจจัยที่จะ
ขับเคลื่อนธุรกิจที่จะเข้าลงทุนด้วย
ปัจจัยทางเทคนิคนับเป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์หลักทรัพย์, Index Futures, Gold Futures,
Silver Futures, Single Stock Futures และ Oil Futures ด้วยฐานข้อมูลไม่ต้องมากนัก ทำให้ปัจจัยทางเทคนิคเป็น
เครื่องมือวิเคราะห์หุ้นที่สะดวก มีความยืดหยุ่น สามารถใช้ได้กับสินค้าได้หลากหลาย
3. ทฤษฎีดาว (Dow Theory)
Charles H. Dow ได้เขียนทฤษฎีดาวจากข้อมูลของดัชนี Transportation Average และ Industrial Average
และถือเป็นทฤษฎีที่นักวิเคราะห์ยังนิยมนำมาใช้วิเคราะห์มาจนถึงปัจจุบัน และเป็นแม่แบบในการวิเคราะห์หุ้นด้วย
คลื่นเอลเลียต ประกอบด้วย
1) ดัชนีตลาดสะท้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์อุปทานในตลาดและทำให้ตลาดมีทิศทาง
เปลี่ยนไป
2) ทฤษฎีดาว แบ่งตลาดออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
 แนวโน้มหลัก (Primary Trend) เป็นทิศทางตลาดที่เคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มกินเวลานานนับปี
หรือมากกว่า
 แนวโน้มรอง (Intermediate Trend) เป็นทิศทางตลาดที่เคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มกินเวลา 1– 3 เดือน
 แนวโน้มย่อย (Minor Trend) เป็นแนวโน้มย่อยที่เคลื่อนตัวอยู่ในช่วง 1–3 สัปดาห์
3) Dow ได้แบ่งแนวโน้มหลักออกเป็น 3 ระยะ
 ระยะแรก ตลาดจะอยู่ในช่วงสะสม (Accumulation) นักลงทุนที่ชาญฉลาดมีความรู้ความเข้าใจด้าน
เศรษฐกิจ สามารถวิเคราะห์แนวโน้มอุตสาหกรรม เมื่อเห็นราคาปรับลดลงต่ำกว่าราคาที่แท้จริง จะเข้า
ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานเข้าพอร์ตลงทุน แต่ข่าวร้ายที่มีเข้ามาในตลาดจะทำให้นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่า
ตลาดยังเป็นขาลงจะนำหุ้นออกขาย

เป็นช่วงสุดท้ายของแนวโน้มหลัก ข่าวดีปรากฏออกสู่สาธารณะ ตลาดปรับตัวขึ้นแต่ปริมาณ
การซื้อขายชะลอตัว นักลงทุนบางส่วนเริ่มออกจากตลาด ตลาดมีลักษณะของการจำหน่ายจ่ายแจก
(Distribution) ตลาดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทิศทาง
4. ดัชนีตลาดต้องยืนยันซึ่งกันและกัน
ในภาวะตลาดกระทิง ดัชนี Transportation Average และ Industrial Average ต้องปรับตัวขึ้นไปในทาง
เดียวกัน หากดัชนีตัวใดตัวหนึ่งปรับตัวขึ้น แต่อีกดัชนีกลับไม่ปรับตัวขึ้น จะเป็นสัญญาณว่าตลาดอาจเปลี่ยนแนวโน้ม
ตามมา
5. ปริมาณการซื้อขายต้องยืนยันทิศทางตลาดขาขึ้น
จากการที่ดัชนีตลาดที่มีแนวโน้มหลักปรับตัวขึ้น นักลงทุนต่างมองตลาดไปในทางเดียวกัน ตลาดมีปัจจัยพื้นฐาน
และข่าวดีรองรับ ทำให้ดัชนีตลาดที่ปรับตัวขึ้นเป็นตลาดกระทิงถูกยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นและต่อเนื่อง
หากดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นแต่ปริมาณการซื้อขายไม่เพิ่มขึ้น ดัชนีตลาดจะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามมา
6. ดัชนีตลาดจะเคลื่อนตัวไปตามแนวโน้มจนกว่าจะเปลี่ยนทิศทาง
แนวโน้มของตลาดเกิดจากพฤติกรรมของมวลชน และเมื่อมีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบพฤติกรรมมวลชน
จะทำให้แนวโน้มของดัชนีตลาดเปลี่ยนไป ซึ่งนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ได้จากสัญญาณปลายตลาดขาขึ้นและสัญญาณ
ปลายตลาดขาลง (Bullish / Bearish Divergence)
การใช้ปัจจัยทางเทคนิคสำหรับการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์
ของมวลชนที่เกิดความโลภและความกลัวตามปัจจัยที่เข้ามากระทบ พฤติกรรมการซื้อขายมีรูปแบบซ้ำไปซ้ำมา
แต่ระยะเวลาสั้นยาวไม่เท่ากัน พฤติกรรมเช่นนี้หากศึกษาทำความเข้าใจ นักลงทุนสามารถนำปัจจัยทางเทคนิคเป็น
เครื่องมือประกอบการลงทุน สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องนำมาใช้ร่วมกับปัจจัยทางเทคนิคคือวินัย เพราะหากนักลงทุน
ขาดวินัยในการลงทุน เครื่องมือปัจจัยทางเทคนิคก็จะไม่บรรลุผลในการใช้งาน
******************************************************************
ติดตามบทความเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ www.tsi-thailand.org